เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แวะมาล่องเรือไหว้พระ 5 วัดที่ ตลาดน้ำอัมพวา ก่อนไปกาญจนบุรี คราวนี้ตูนมีโอกาสได้หยุดวันอาทิตย์ เลยถือโอกาสมาไหว้พระกันอีกครั้ง และได้มีโอกาสเดินเที่ยว ตลาดน้ำอัมพวา ด้วย
เราออกเดินทางจากพระประแดงกันแต่เช้า เพราะวันนี้เป็นวันสงกรานต์พระประแดง มีการปิดถนน ต้องรีบออกมาก่อนที่คนจะมาเยอะมาก ไปแวะที่ดอนหอยหลอด ก่อนถึงอัมพวาเวลาประมาณ 11:00 น. ที่จอดรถเต็มแล้ว ต้องจอดไกลออกมาอีกหน่อย แดดกำลังร้อนเลย
เราเหมาเรือไปไหว้พระ 5 วัด ราคา 500 บาท ใช้บริการท่าเรือคุณย่า ถ้าไม่ได้เหมาจะคนละ 50 บาทเท่านั้น
เราสองคนเลือกเหมาลำ เพราะว่าจะได้ไม่เสียเวลารอคนอื่น เพราะเราเริ่มจะหิวกันแล้ว
วัดแรกที่ไปถึงคือ วัดท้องคุ้ง วัดที่มีหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่สุดในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง
วัดทองคุ้งเป็นวัดที่มีอายุประมาณ 200 ปี
ได้มีโอกาสเจอน้องหมาตัวเดิม ที่เคยเจอเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนยังเป็นลูกหมาแล้ววิ่งมาส่งเราที่ท่าเรือด้วย
พระประธานในอุโบสถ เป็นพระปั้นด้วยปูนพระองค์เป็น “พระปางมารวิชัย” หน้าตักกว้าง 2.56 เมตร สูง 4.61 เมตร หรือเรียกว่า “หลวงพ่อโต” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ
คาดว่าด้านในอาจเป็นพระพุทธรูปสำริด เนื่องจากในช่วงหนึ่งมีการรบติดพัน มีข้าศึกพม่าเข้ามาในบ้านเรา กลัวว่าพวกทหารพม่าจะเข้ามาพบและนำเอาพระพุทธรูปล้ำค่ากลับประเทศพม่า จึงได้มีการอำพรางเอาไว้ เมื่อครั้งสงครามไทยพม่านั่นเอง
ไหว้พระเสร็จแล้ว ก็ยืนรอเรืออยู่ที่ท่า วันนี้นายเรือพาสาวมาท่องเที่ยวด้วย อิอิ
วัดที่สองที่เรามาถึงคือ วัดบางแคกลาง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยปลาย กรุงศรีอยุธยา แต่เดิมชื่อวัดปทุมเกสร ตามชื่อผู้ ถวายที่สร้างวัดกับหลวงพ่อเกตุ ท่านเป็นพระธุดงค์ มาปักกลดอยู่ โยมปทุม และ โยมเกสรท่านเกิด ศรัทธาเลยถวายที่ให้ท่านสร้างวัด แต่ภายหลังได้ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดบางแคกลาง (ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook หลวงพ่อคง ธมฺมโชโต วัดบางกะพ้อม)
หลวงพ่อเกตุ เป็นพระพุทธรูป ปูนปั้นปรางห้ามญาติ แต่เดิมเรียกว่า หลวงพ่อด้วน เพราะมีแต่ ส่วนเศียร ถึง พระอุระ เป็นพระพุทธรูปที่หลวง พ่อเกตุท่านนำมาด้วยตอนสร้างวัดใหม่ๆ และ ได้ชำรุดมาก จึงมีการบูรณะโดยการปั้นปูน รูปท่านให้สมบูรณ์จึง เรียกท่านว่าหลวงพ่อเกตุ ตามชื่อหลวงพ่อเกตุที่ท่านเป็นผู้สร้าง วัดบางแคกลาง
วัดที่สาม คือ วัดเกษมสรณาราม ตั้งอยู่เลขที่ 40 ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 8 ไร่ 2 งาน 16 ตารางวา
วัดที่สี่ คือ วัดบางเกาะเทพศักดิ์
วัดสุดท้าย วัดที่ห้า คือ วัดบางกุ้ง ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปีพ.ศ. 2308 กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก (ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia)
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย สลักจากหินทรายแดง แสดงปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ที่ฝาผนังของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพระอดีตพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัติ นอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความกว้างประมาณ 5 เมตร ความยาว 7 เมตร ที่ขอบสระมีกำแพงเตี้ยกั้น และกรุด้วยอิฐถือปูนลักษณะสอบลงไป ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดบางกุ้งเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 113 ตอนพิเศษ 50 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2539
ภายในวัดมีสวนสัตว์เล็กๆ ให้ได้ชม
เมื่อครบ 5 วัดแล้ว ได้เวลากลับตลาดน้ำอัมพวา ไปทานข้าวกันแล้ว
อากาศร้อนมาก ทานชาเย็นให้เย็นฉ่ำหัวใจดีกว่า
ตูนอยากมาทาน ภวัต ส้มตำไก่ย่าง แต่ว่าร้านปิด เลยอดทานเลย ก็เลยเดินมาเรื่อยๆ จนเจอร้านยืนยง
ตูนทานเส้นเล็กต้มยำ เราทานข้าวขาหมู
อร่อยมาก แนะนำเลยร้านนี้
จากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ
ร้านที่สองที่เราไปทาน คือ แป๊ะเฮง ก๋วยเตี๋ยวเรือ (Facebook ของร้าน www.facebook.com/แป๊ะเฮง-ก๋วยเตี๋ยวเรือ-249190251957037)
อร่อยอีกแล้ว
แล้วก็เดินชอปปิ้งไปเรื่อยๆ
แล้วก็มาทานอาหารกันต่อ
อร่อยนะ ทานแต่ของอร่อย จนพุงจะแตกแล้ว
ได้เวลาออกจากอัมพวา ไปดูที่ดินของตูนที่บ้านแพ้วแล้ว
The photographs may not be copied, reproduced, redistributed, manipulated, projected, used or altered in any way without the prior express written permission of Juth.Net