ประเทศลาวมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมืองที่เราไปกันคือ เวียงจันทน์ “ວຽງຈັນ” ซึ่งเป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของลาว ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 เราเดินทางจากขอนแก่นไปหนองคาย ระยะทางประมาณ 175 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลา 2 ชั่วโมง 24 นาที ออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้า
ไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย สะพานมิตรภาพ (หนองคาย-เวียงจันทน์) ถ้าค้างคืนจะมีที่จอดรถไว้บริการแถวๆ ด่าน แต่เราไปวันเดียวกลับ ก็จอดตรงไหนก็ได้ที่เหมาะสม เราจอดตรงหน้า 7eleven หรือถ้าค้างคืน ก็สามารถฝากรถไว้กับเฉลิมชัย ทราเวลได้

เฉลิมชัย ทราเวล หนองคาย
เราใช้เงินบาทในการ เที่ยวเวียงจันทร์ เพราะที่นี่เค้ายินดีรับทั้งเงินดอลล่าร์ บาท และกีบ สะดวกสบายมาก

กรอกใบเข้าเมือง
เอกสารที่ต้องเตรียมในการข้ามไปประเทศลาว
หนังสือเดินทางหรือบัตรผ่านแดน อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ กรณีไม่มีหนังสือเดินทาง ก็ให้ทำหนังสือผ่านแดน
- หนังสือเดินทางไทยต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน สามารถเดินทางเข้าไป สปป.ลาวโดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถพำนักได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน
- กรณีไม่มีหนังสือเดินทาง สามารถใช้หนังสือผ่านแดน (Border Pass)ในการเดินทางโดยติดต่อขอทำได้ที่ที่ว่าการอำเภอที่มีชายแดนติดกับ สปป.ลาว เพียงใช้บัตรประจำตัวประชาชน และรูปถ่ายในการยื่นคำร้องขอหนังสือผ่านแดนนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หนังสือผ่านแดนถาวร และหนังสือผ่านแดนชั่วคราว หนังสือผ่านแดนถาวรนั้นจะออกให้เฉพาะประชาชนที่มีภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนเป็นการถาวรนั้นๆ โดยมีอายุการใช้ไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ออก และสามารถต่ออายุได้อีกหนึ่งครั้งเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ซึ่งผู้ที่ถือหนังสือผ่านแดนชนิดนี้จะเดินทางเข้า-ออกได้ ณ จุดตรวจผ่านแดนที่อนุญาตได้หลายครั้ง ส่วนหนังสือผ่านแดนชั่วคราวนั้น จะออกให้สำหรับประชาชนที่มีภูมิลำเนานอกพื้นที่ชายแดนจังหวัดชายแดนนั้นๆ มีกำหนดการใช้ภายใน 7 วันนับแต่วันออกหนังสือ โดยสามารถใช้เดินทางเข้า-ออก ณ จุดตรวจผ่านแดนได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย หรือ สอบถามไปยังกองกำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย โทร 0-4242-0242

กรอกใบเข้าเมืองให้ครบถ้วน
นอกจากมีพาสปอร์ต หรือ หนังสือผ่านแดนแล้ว ก็จะมีค่าใช้จ่ายของบัตร One Way Ticket คนละ 5 บาท การซื้อบัตรต้องใช้พาสปอร์ตแสดง แล้วเสียบเข้าเครื่องเพื่อผ่านข้ามแดน

Ticket
เราไม่อยากเอารถส่วนตัวข้ามไปลาวเพราะว่าที่ลาวขับรถคนละด้านกับเมืองไทย กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ เราเลยจ้างไกด์ชาวลาวที่แสนจะน่ารัก ชื่อพี่แดง ให้ช่วยเป็นไกด์ และขับพาเราเที่ยวทั่วเวียงจันทร์ เบอร์ติดต่อพี่แดง คือ เบอร์ 55515458 เบอร์ไทย 0867576356
พี่แดงดูแลเราตั้งแต่การกรอกใบ immigration เลยทีเดียว พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยมาแล้ว เราก็นั่งรถเมล์เพื่อข้ามสะพานมิตรภาพกัน จ่ายคนละ 15 บาท

ด่านตรวจคนเข้าเมืองลาว
จากนั้นก็มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของทางลาว ใช้เวลาไม่นานก็ได้ตราประทับในพาสปอร์ตแล้ว จากนั้นก็ขึ้นรถ Van ยี่ห้อ Hyundai ของพี่แดงเพื่อเดินทางสู่จุดหมาย

เมี่ยงลาวแสนอร่อย
เราช่วยเหลือพี่แดงให้ได้รายได้เสริม โดยการแวะตามจุดต่างๆ เพราะการแวะจะทำให้พี่แดงได้รับเงินค่าจ้างในการพาคนมา ที่แรกที่แวะก็คือ โรงงานทำบัวหิมะ

โรงงานทำบัวหิมะ
ซึ่งก็น่าสนใจมากในแต่ละจุดที่ไป มีร้านจำหน่ายพลอย ร้านขายกระเป๋า น้ำหอม แต่ที่ใช้เวลานานหน่อยก็คือตรงที่ขายของที่ระลึก ซื้อเสื้อยืด, กระเป๋าใส่เหรียญใบเล็กๆ, ที่รองจาน, magnet ติดตู้เย็น, ฯลฯ
จากนั้นเราก็มุ่งสู่สถานที่สำคัญที่เราอยากไปกัน ที่แรกคือ พระธาตุหลวงเวียงจันทน์

บรรยากาศในเมือง

พระธาตุหลวงเวียงจันทร์
ไปตรงกับตอนที่บุคคลสำคัญ ซึ่งเป็นแขกของรัฐบาลมาพอดี จึงมีรถหรูจอดแบบนี้
ตามตำนานอุรังคนิทานได้กล่าวไว้ว่า พระธาตุหลวงสร้างขึ้นคราวเดียวกับการสร้างเมืองนครเวียงจันทน์ หลังจากก่อสร้างพระธาตุพนมแล้ว ผู้สร้างคือ บุรีจันอ้วยล้วย หรือ พระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ เจ้าเหนือหัวผู้ครองนครเวียงจันทน์พระองค์แรก พร้อมกับพระอรหันต์ 5 องค์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหัวเหน่า 27 พระองค์ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย (ข้อมูลจาก wikipedia)

พระธาตุหลวงเวียงจันทร์

พระธาตุหลวงเวียงจันทร์
เราเดินไปรอบๆ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนมาก

พระธาตุหลวงเวียงจันทร์
ของอร่อยที่วางขายในพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ก็มีนี่เลย ข้าวโพดย่าง มันย่าง ข้าวจี่ (ที่ไทยก็มี)

ของอร่อย
จากนั้นก็ขึ้นรถ มุ่งตรงสู่ประตูชัย ภาษาลาวเรียก “ປະຕູໄຊ” เป็นการจำลอง Arc de Triomphe ของฝรั่งเศสเอาไว้

Patuxay
ค่าขึ้นไปด้านบนของประตูชัย 15 บาท ในแต่ละชั้นที่ขึ้นไป ก็จะมีบรรดาของที่ระลึกวางขายให้ได้เลือกซื้อกัน

ตูนถ่ายภาพให้ด้วย Samsung S4

วิวจากประตูชัย
เราก็ค่อยๆ เดินดูแต่ละชั้น และชื่นชมวิวเมืองเวียงจันทน์ไป จนได้เวลาซักพัก หิวข้าวแล้ว ได้เวลาของอร่อย

ตลาดเช้า

รถตุ๊กตุ๊กลาว

รถตุ๊กตุ๊กลาว
ตูนบอกพี่แดงว่าเราจะทานข้าวกันที่ร้าน ขอบใจเด้อ Khop Chai Deu พี่แดงบอกว่าแถวนั้นหาที่จอดรถยากซักหน่อย ถ้ากินเสร็จแล้วก็พยายามมองหาพี่แดงเอานะ

ด้านหน้าร้านขอบใจเด้อ
เวลานั้นคนค่อนข้างที่จะเยอะ เต็มร้านเลย เราได้ที่นั่งชั้นสอง ด้านระเบียงของร้าน วิวในเมืองสวยงาม

ร้านขอบใจเด้อ
บรรยากาศ และการต้อนรับของที่นี่ดีมาก

บรรยากาศภายในร้านขอบใจเด้อ

ชั้นสองร้านขอบใจเด้อ
เราสั่งอาหารกันเยอะ จนกินแทบไม่ไหว

อาหารของเรา
อาหารที่สั่ง คือ เซตขันโตก 2 เซต น้ำส้ม น้ำมะพร้าว
ลาบไก่ใส่หัวปลีหั่นละเอียดๆ ไส้อั่ว ไคแผ่นทอด (สาหร่ายน้ำจืด) กินกับข้าวเหนียว แจ่วบองหอม รสชาติดี เอาะหลาม ต้มยำปลา ฟักทองบวช

อาหารร้านขอบใจเด้อ
อร่อยๆ ทั้งนั้นเลย มื้อนี้จ่ายไป 1,032 บาท

ค่าอาหารร้านขอบใจเด้อ
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อไปยังหอพระแก้ว ซึ่งเค้ากำลังปิดปรับปรุงพอดี 🙁 เลยเดินดูภายนอกไปก่อน
หอพระแก้ว คือสถานที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรตั้งอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ปัจจุบันเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐาน เพราะพระแก้วมรกตองค์ปัจจุบันได้รับการอัญเชิญลงมาประทับที่กรุงเทพมหานคร

บริเวณหอพระแก้ว
จากนั้นก็เดินทางไปยังวัดศรีเมือง คนไทยนิยมมาไหว้เจ้าแม่ศรีเมืองทุกปี ภายในวัดศรีเมืองเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำเวียงจันทน์

วัดศรีเมือง

วัดศรีเมือง

บริจาคกระเบื้องหลังคาที่วัดศรีเมือง
ตูนได้เสี่ยงเซียมซีด้วย ได้เบอร์ 1 ซึ่งมีแต่เรื่องดีๆ สาธุๆ
จากนั้นแวะไปทานขนมจีน และส้มตำ

ขนมจีน

ขนมจีน

ส้มตำ
แวะซื้อ แป้งจี่ (Baguette) ก่อน

แป้งจี่ (Baguette)

แป้งจี่ (Baguette)

แป้งจี่ (Baguette)
ตอนเวลาประมาณ 4 โมงนิดๆ เราก็ตัดสินใจกลับเมืองไทยกัน เพราะเดี๋ยวจะถึงขอนแก่นค่ำ เราจะได้มีเวลาทานข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ และน้องชายของตูนกัน

พี่แดงไกด์ของเรา
เที่ยวเวียงจันทน์ ครั้งแรก สนุก และประทับใจมาก ขอบคุณตูนที่พามานะจ๊ะ

Byebye
The photographs may not be copied, reproduced, redistributed, manipulated, projected, used or altered in any way without the prior express written permission of Juth.Net
2 comments